เอื้องผึ้ง

เอื้องผึ้ง

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

From Kiel to Copenhagen Slideshow Slideshow

From Kiel to Copenhagen Slideshow Slideshow: TripAdvisor™ TripWow ★ From Kiel to Copenhagen Slideshow Slideshow ★ to Copenhagen and Kiel. Stunning free travel slideshows on TripAdvisor

วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555

down in the willow garden

ในสวนที่มีใบไม้แผ่ย้อยปกคลุม
ที่ซึ่งผมและคนรักมาพบกัน
ช่วงที่เรานั่งเฝ้าพะเน้าพะนอ
คนรักของผมก็หลับไป

ผมมีไวน์เบอร์กันดีอยู่ขวดหนึ่ง
คนรักของผมไม่รู้
ดังนั้นผมก็เลยวางยาพิษสาวน้อยที่น่าสงสาร
ริมฝั่งแม่น้ำเบื้องล่าง

ผมแทงดาบทะลุร่างเธอ
ใบมีดเต็มไปด้วยเลือด
ผมทิ้งร่างเธอลงแม่น้ำ
มันเป็นภาพที่น่าสยดสยอง

พ่อมักบอกกับผมว่า
เงินจะทำให้ผมเป็นอิสระ
จากการที่ผมฆ่าสาวผู้น่าสงสาร
ที่ชื่อ โรส คอนเนลลี่

พ่อผมนั่งอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
เช็ดน้ำตาจากดวงตาที่หม่นหมอง
เพราะลูกชายคนเดียวของท่าน
กำลังเดินสู่ตะแลงแกง

การแข่งขันของผมอยู่ใต้ดวงอาทิตย์
ตอนนี้ตะแลงแกงรอผมอยู่
จากการที่ผมฆ่าสาวผู้น่าสงสาร
ที่ชื่อ โรส คอนเนลลี่



เพลง Down in the Willow Garden หรือบางทีก็เรียกกันว่า Rose Connelly เป็นเพลงบัลลาดเก่าแก่ ที่เล่าเรื่องราวของนักโทษประหารที่ฆ่าแฟนสาวของตัวเอง และตอนนี้ เขาก็กำลังจะได้รับโทษด้วยการแขวนคอ เพลงนี้มีต้นกำเนิดในยุคศตวรรษที่ 19 โดยเชื่อว่าน่าจะมาจากแถวไอร์แลนด์ ก่อนที่จะมาดังมากในสหรัฐ เนื้อเพลงมีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิมตามยุคตามสมัย และพอมาถึงยุคธุรกิจดนตรี ก็มีการตัดให้สั้นลง เพลงนี้ ถูกบันทึกเสียงโดยนักร้องอาชีพครั้งแรกเมื่อปี 1927 แต่เริ่มมาดังในปี 1947 ในเวอร์ชั่นที่ร้องโดย Charlie Monroe และหลังจากนั้นก็ยังมีการบันทึกเสียงกันอีกหลายครั้ง

เพลงที่นำมาให้ฟังนี้ร้องโดย Art Garfunkel จากอัลบั้ม Angel Clare ที่ออกมาเมื่อปี 1973 นักดนตรีที่ร่วมบรรเลงเพลงนี้ประกอบด้วย Larry Knechtal-Piano , Jerry Garcia-Guitar , Dean Parks-Guitar , Joe Osborn-Bass และ Jim Gordon-Drums

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

Come back , Jimmy Clanton


Come back

Jimmy Clanton


Every day away from you
ทุกวันที่ห่างเหินจากเธอ
Only makes me feel so blue
มีแต่ทำให้ฉันรู้สึกเศร้าสร้อย
Oh, my darling, I beg of you
โอ้,ที่รัก ฉันขอวิงวอนต่อเธอ
Come back, come back to my arms
กลับมาเถิด,กลับมายังอ้อมแขนของฉัน

Never meant to make you cry
ไม่เคยตั้งใจที่จะำทำให้เธอร้องไห้
Though so bad at your goodbye
รู้สึกไม่ดีเลยเมื่อเธอกล่าวคำอำลา
I'm so lonely, I could die
ฉันว้าเหว่มาก, อาจถึงตายได้
Come back, come back to my arms
กลับมาเถิด กลับมาสู่อ้อมแขนของฉัน

Every day, I miss you
ทุก ๆ วัน,ฉันคิดถึงเธอ
Miss you more and more
คิดถึงเธอมากขึ้น และมากขึ้นทุกขณะ
Every day, I need you
ทุก ๆ วัน ฉันต้องการเธอ
Need more you than before
ปรารถนาเธอการเธอมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก

Like the river and the sea
เหมือนดั่งแม่น้ำและทะเล
My love goes on endlessly
รักของฉันก็ดำเนินไปไม่มีวันสิ้นสุด
Oh, my darling, please hear my please
โอ้,ที่รัก โปรดรับฟังคำวิงวอนของฉันด้วย
Come back, come back to my arms
กลับมาเถิด,กลับมาสู่อ้อมแขนของฉัน

Come back, come back to my arms
To my arms

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ช้างน้าว


ชื่อสามัญ Chang nao
ชื่ออื่น ๆ กำลังช้างสาร (ภาคกลาง) ช้างน้าว (ภาคอีสาน) ช้างโหม (ระยอง)
ตาลเหลือง (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ochna integerrima (Lour.) Merr.
วงศ์ OCHNACEAE
ถิ่นกำเนิด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลักษณะพรรณไม้ เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 12 ม. ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับหรือรูปใบหอกแกมรูปไข่กลับ ยาว 6-25 ซม. ปลายใบแหลมยาว แหลม หรือมน โคนใบแหลม มน หรือกลม ขอบใบจักฟันเลื่อย ก้านใบยาว 0.1-0.5 ซม. ดอกออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกแยกแขนงสั้นๆ ยาวได้ประมาณ 4 ซม. ดอกจำนวนมาก ก้านดอกยาว 2-4 ซม. ฐานรองดอกสีแดงอมสีเขียว ขยายในผล กลีบเลี้ยง 4 กลีบ รูปไข่แกมรูปขอบขนาน ปลายมน ยาว 1-1.6 ซม. ขยายในผล กลีบดอกมี 5-7 กลีบ สีเหลือง รูปไข่กลับ ปลายมนหรือกลม ยาว 1.5-2.5 ซม. มีก้านกลีบ เกสรเพศผู้จำนวนมาก เรียง 2-3 วง ก้านเกสรเพศผู้ยาวไม่เท่ากัน ยาว 3-7 มม. ผลแบบผลเมล็ดเดียวแข็ง มี 3-10 ผล หรือ 15 ผล ติดบนฐานรองดอกใกล้โคน รูปรี ยาวได้ประมาณ 1 ซม. สีเขียวเป็นมันวาว สุกสีดำ กลีบเลี้ยงติดทนสีแดง ยาวประมาณ 2 ซม. พับงอกลับ
ฤดูดอกบาน เดือนมกราคม - พฤษภาคม
ช่วงที่ดอกส่งกลิ่นหอม ส่งกลิ่นหอมแรงตลอดวัน
สภาพแวดล้อมที่พืชต้องการ พบขึ้นตามป่าทั่วไป ชอบน้ำปานกลาง แสงแดดจัด ทนแล้ง
การนำไปใช้ประโยชน์ ดอกสีเหลืองสดใสปลูกเป็นไม้ประดับ ดอกมีกลิ่นหอม
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด

ปิ่นมาลา



ชื่อสามัญ ปิ่นมาลา
ชื่ออื่น หนำเลี๊ยบเทียม เข็มป่า พุดดง มะดีควาย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Kopsia arborea Blume Blume
วงศ์ APOCYNACEAE
ถิ่นกำเนิด พม่า จีน ภูมิภาคอินโดจีนและตอนเหนือของออสเตรเลีย
ลักษณะพรรณไม้ เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ทุกส่วนของลำต้นมียางสีขาว ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม กว้าง 8-11 ซ.ม. ยาว 15-19 ซ.ม. รูปรี โคนใบรูปลิ่ม ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ขอบเป็นคลื่น ออกดอกเป็นช่อแบบกระจุก ดอกย่อยประกอบด้วยวงกลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปหอกปลายเรียวแหลมวงกลีบดอกปลายแยก 5 แฉก สีขาว ดอกกว้าง 1.5-1.8 ซ.ม. ยาว 4-7.5 ซ.ม. รูปขอบขนาน มีแต้มสีชมพูตรงกลาง หลอดวงกลีบยาว 2.5-3.7 ซ.ม. เกสรเพศผู้ 5 อัน อยู่บนวงกลีบดอกด้านใน เกสรเพศเมีย 1 อัน อยู่เหนือวงกลีบ ผล มีเมล็ดเดียว เนื้อแข็ง รูปรี กว้าง 1-2.3 ซ.ม. ยาว 2.5-4 ซ.ม. ผลแก่จัดสีม่วงคล้ำ
ฤดูดอกบาน เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน
ช่วงที่ดอกส่งกลิ่นหอม ส่งกลิ่นหอมน้อยมากในช่วงเช้า
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ดินร่วนซุยระบายน้ำดี ชอบแสงแดดปานกลาง
การนำไปใช้ประโยชน์ เป็นไม้ดอกไม้ประดับ
การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

ลั่นทมแดง
ชื่อสามัญ West Indian Red
ชื่ออื่น ลีลาวดี จำปาแดง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Plumeria rubra Linn.
วงศ์ APOCYNACEAE
ถิ่นกำเนิด อเมริกาใต้ พบทุกภาคของไทย
ลักษณะพรรณไม้ เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 2-6 เมตร เรือนยอดรูปไข่หรือรูปร่ม ทุกส่วนของลำต้นมีน้ำยางสีขาว กิ่งมีลักษณะอวบ สีเทาอมน้ำตาล แตกกิ่งก้านน้อย ใบ เป็นใบเดี่ยว ใบป้อมสั้นกว่าลั่นทมขาว ปลายเป็นติ่งแหลม โคนใบสอบ ใบกว้าง 5-10 ซ.ม. ยาว 14-30 ซ.ม. ดอก ออกดอกเป็นช่อที่ยอด ก้านช่อดอกยาว 6-20 ซ.ม. ก้านดอกสีแดงเข้ม กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ดอกช่อสีชมพูอมแดง กลางดอกสีเหลืองขาว ปลายกลีบดอกแหลมหรือมีติ่งแหลมและโค้งงอ โคนกลีบดอกติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ กลีบดอกรูปไข่กลับและซ้อนทับกัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางดอก 5-6 ซม. มีกลิ่นหอม เกสร 5 อันติดอยู่ภายในดอกผลเป็นฝักคู่ รูปยาวรี กว้าง 2-3 ซม. ยาว 10-12 ซม. เมล็ดมีจำนวนมากและมีขน ลักษณะแบน มีปีก
ฤดูดอกบาน ออกดอกตลอดปี (ออกดอกมากในช่วงฤดูหนาว)
ช่วงที่ดอกส่งกลิ่นหอม ส่งกลิ่นหอมแรงตลอดวัน
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เจริญเติบโตได้ดีในดินทีร่วนซุยและมีความชุ่มชื้นปานกลาง
การนำไปใช้ประโยชน์ ปลูกเป็นไม้ประดับ
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด และปักชำ

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555

ช้างกระ
ชื่อสามัญ -
ชื่ออื่น ช้างดำ เอื้องต๊กโต
ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhynchostylis gigantean Ridl.
วงศ์ ORCHIDACEAE
ถิ่นกำเนิด แถบแหลมมลายู
ลักษณะพรรณไม้ เป็นกล้วยไม้เกาะอิงอาศัย มีรากอวบยาวขนาดใหญ่ รูปไข่รี มีข้อปล้องสั้นชัดเจน ใบเดี่ยวออกสลับซ้อนกัน รูปใบเหมือนลิ้น ขอบใบขนาน ปลายใบโค้งมน มีรอยหยักเข้าทำให้เกิดเป็นสองแฉกตื้น ๆ ใบกว้าง 5 ซ.ม. ยาว 30 ซ.ม. แผ่นใบหนาอวบน้ำ ฐานใบแนบหุ้มลำต้น ดอกออกเป็นช่อกรจะ แกนก้านดอกยาว 35 ซ.ม. ตาดอกงอกจากซอกใบ ดอกย่อยสีขาวกลีบดอกมีจุดแต้มสีม่วง ชมพู หรือแดง เกิดรอบแกนกลางช่อดอก กลีบดอก 6 กลีบ เรียงซ้อนกันชั้นละ3 กลีบ ดอกกว้าง 2-3 ซ.ม. มีก้อนละอองเรณู 1 คู่ ผล เป็นกระบุกแคปซูล ภายในแบ่งเป็น 2 ช่อง ตามแนวยาว เมล็ด จำนวนมาก และมีขนาดเล็กมาก
ฤดูดอกบาน เดือนธันวาคม-มีนาคม ดอกทยอยบานทั้งช่อ
ช่วงที่ดอกส่งกลิ่นหอม ส่งกลิ่นหอมแรงตลอดวัน
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ชอบความชื้นสูง แสงแดดครึ่งวัน
การนำไปใช้ประโยชน์ เป็นไม้ประดับ
การขยายพันธุ์ แยกกอ
กระดังงาไทย
ชื่อสามัญ Cananga
ชื่ออื่น กระดังงาใหญ่ (ภาคกลาง) สะบันงาต้น (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cananga odorata (Lam.) Hook. f. & Thomson var. odorat
วงศ์ ANNONACEAE
ถิ่นกำเนิด มาเลเซีย อินโดนีเซีย หมู่เกาะแปซิฟิกเขตร้อน ภาคใต้ของไทย
ลักษณะพรรณไม้ เป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงกลาง เปลือกต้นสีเทาค่อนข้างฉ่ำน้ำและมีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว สูง 5-12 เมตร ลำต้นตรง กิ่งมักจะลู่ลง ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่แกมรูปขอบขนานหรือรูปรี กว้าง 4-6 ซม. ยาว 8-16 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบมนหรือเว้าและเบี้ยวเล็กน้อย ขอบใบหยักเป็นคลื่นเล็กน้อย ออกดอกเป็นช่อสั้นแบบกระจุก มี 2-5 ดอก กลีบเลี้ยง 3 กลีบ สีเขียว กลีบดอกอ่อนนุ่ม 6 กลีบ สีเหลือง รูปขอบขนาน เรียงเป็น 2 วงๆ ละ 3 กลีบ ดอกกว้าง 0.5 ซม. ยาว 4-5 ซม. กลิ่นหอม เกสรเพศผู้จำนวนมาก ผลเป็นผลกลุ่ม รูปรีค่อนข้างกลม มีเมล็ดจำนวนมาก
ฤดูดอกบาน ออกดอกตลอดปี
ช่วงที่ดอกส่งกลิ่นหอม ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ตอนเช้าและตอนเย็น
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ชอบที่โล่งแจ้ง
การนำไปใช้ประโยชน์ เป็นไม้ประดับดอกหอม ใช้ทำเครื่องหอม สกัดน้ำมันหอมระเหย (Thailand Institute of Scientific and Technological Research, 2539)
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง

มหาหงส์
ชื่อสามัญ Butterfly lily
ชื่ออื่น กระทายเหิน หางหงส์ เหินแก้ว เหินคำ สะเลเต
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hedychium coronarium Roem.
วงศ์ ZINGIBERACEAE
ถิ่นกำเนิด เทือกเขาหิมาลัย
ลักษณะพรรณไม้ เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นใต้ดินเป็นเหง้า ลำต้นเหนือดินมีกาบใบโอบกันแน่นเรียกว่าลำต้นเทียม มีหลายลำอยู่รวมกันเป็นกอสูงประมาณ 80-150 ซ.ม. ใบเดี่ยว รูปขอบขนาน หรือรูปหอกแกมขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลมโคนใบแคบ ออกดอกที่ยอดเป็นช่อสั้น ดอกสีขาวล้วน กลีบดอก 3 กลีบ ยาว 4-5 ซ.ม.โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด เมื่อดอกบานเต็มที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8-10 ซ.ม. ผล รูปทรงกระบอกสีแดงอมส้มขนาดปลายนิ้วแตกเป็น 3 พู เมล็ด สีน้ำตาลแดง
ฤดูดอกบาน มิถุนายน - พฤศจิกายน
ช่วงที่ดอกส่งกลิ่นหอม ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ตลอดวัน และหอมแรงในช่วงใกล้ค่ำ
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ชอบขึ้นในดินที่มีความชุ่มชื้นหรือชื้นแฉะ ต้องการร่มรำไร
การนำไปใช้ประโยชน์ เป็นไม้ประดับดอกหอม หัวใต้ดิน รักษาต่อมทอนซิลอักเสบ และแผลบวม
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด แยกเหง้าหรือแยกหน่อ

ดาหลา
ชื่อสามัญ Torch ginger
ชื่ออื่น กาหลา กะลา จินตะหรา
ชื่อวิทยาศาสตร์ Etlingera elatior (Jack) R.M. Smith
วงศ์ ZINGIBERACEAE
ถิ่นกำเนิด เทือกเขาพูโต ในเขตจังหวัดนราธิวาส
ลักษณะพรรณไม้ เป็นไม้ล้มลุกตระกูลเดียวกับขิงและข่า แต่สูงใหญ่กว่า สูง 2.5-3 เมตร ลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน ลำต้นบนดินเป็นกาบ กาบใบยาวมากอัดซ้อนกันแน่นเป็นลำต้นเทียม ใบเดี่ยว รูปหอก ปลายใบแหลม กว้าง 10-15 ซ.ม. ยาว 25-30 ซ.ม. สีเขียวเข้ม ผิวเรียบเป็นมัน ดอกแทงช่อดอกออกจากเหง้าใต้ดิน ก้านสีเขียว สูง 50-120 ซ.ม. ดอกสีชมพูอมแดง มีกลีบซ้อนกันหลายชั้น ดอกมีจะงอยแหลม ด้านใต้ของกลีบสีขาว กลีบดอกเรียบเป็นมัน
ฤดูดอกบาน เดือนพฤษภาคม - สิงหาคม
ช่วงที่ดอกส่งกลิ่นหอม -
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้น แสงแดดรำไร
การนำไปใช้ประโยชน์ ดอกตูมและหน่ออ่อน ใช้จิ้มกับน้ำพริก แกงเผ็ดและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมในข้าวยำ หรือใช้ยำดอกดาหลา มีรสชาติเผ็ดร้อน ทั้งต้น แก้ลมพิษ แก้โรคผิวหนัง อื่นๆ ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด และแยกเหง้าหรือแยกหน่อ

Collection of Fragrant Flowers.


Collection of Fragrant Flowers.